ในแง่ของการทำงานพิเศษ ก็ถือว่าอยู่ตัวแล้วพอสมควร การทำงานที่แอฟริกันซาฟารีก็ไม่ได้แย่แต่ก็ไม่ใช่งานที่สบายขนาดนั้น
ก่อนหน้านี้เราเคยมาเที่ยวแอฟริกันซาฟารีตอนปีหนึ่ง ภายในสวนสัตว์จะมีร้านอาหารหน้าตาน่ารักเชิญชวนให้เราเข้าไปเสียเงินอยู่ประมาณสามสี่ที่ ไม่ว่าจะเป็น...
ร้านน้องแมว
ร้านลาเวนเดอร์
ร้านแกงกะหรี่
ละก็...Bee Balm
แน่นอน...การที่เราได้เข้ามาทำงานที่นี่ หวยต้องลงสักร้านใดร้านหนึ่งนี่แหละ
และหวยก็มาลงที่...ร้าน Bee Balm จ้ะ
เจ้ากระท่อมหลังน้อยหน้าตาฟรุ้งฟริ้งกระดิ่งแมว
ในกระท่อมนี้เรามีเพื่อนร่วมงานอีกสามคนคือ แนน ส่วนอีกสองคนคืออุสึซังและไดซัง ซึ่งสองคนนี้เป็นผู้ชายและเป็นพนักงานประจำ ไม่ใช่พนักงานพาร์ทไทม์แบบเรากับแนน
ท่านเทนโจได้มอบหมายให้แนนสอนงานให้เรา เริ่มตั้งแต่การขนส่วนผสมของซอฟครีมไปวางไว้บริเวณเคาน์เตอร์ จัดการจัดเรียงให้หยิบไปเติมได้ง่าย เติมส่วนผสม เขียนลิสต์พวกของทอดเอาไว้บันทึกยอดขายแต่ละวัน กวาดขยะ เช็ดโต๊ะทั้งในและบริเวณสวนนอกร้าน
และก็มาถึงกระบวนการสำคัญนั่นก็คือ...การกดซอฟครีม เพราะหน้าที่หลักของพวกเราคือการกดซอฟครีมนี่แหละ
จะบอกว่าศาสตร์แห่งการกดซอฟครีมนั้นไม่ง่ายอย่างที่คุณคิด เห็นพนักงานกดมาเสิร์ฟเราชิลๆ นั้น ก่อนหน้านั้นจะต้องผ่านกระบวนการเทรนมากมายดั่งเช่นข้าพเจ้า
คือนอกจากจะต้องกดให้สวยแล้ว เรายังต้องกดให้มันตั้งอยู่บนโคนอย่างรอดปลอดภัยด้วย
ด้วยเหตุนี้ข้าพเจ้าจะขอสถาปนาตัวเองว่า เจ้าแห่งความเบี้ยว
ไม่มีซะล่ะการกดให้สวยดั่งรูปภาพ แม้ตอนนี้จะกดได้คล่องขึ้นแล้วแต่ก็ยังมีจุดที่ทำให้ซอฟครีมของข้าพเจ้านั้นไม่สมบูรณ์แบบ
ตอนแรกก็รู้สึกผิดกับลูกค้าแหละนะ เราก็อยากให้เค้าได้กินซอฟครีมสวยๆ ถ่ายรูปฟิน กลับต้องได้ซอฟเบี้ยวๆ จากเราไป....
ขอประทานอภัยจริงๆ เจ้าค่ะ
จนกระทั่งวันหนึ่งที่เรานึกครึ้มไปซื้อซอฟครีมจากแปซิฟิกคาเฟ่ของมหาลัย ก็ต้องตกตะลึงพรึงเพริดกับสกิลการกดซอฟครีมของอาเจ้
ความเบี้ยวยิ่งว่าหอคอยไอเฟลนี้คืออะไร...
เหนือกูยังมีเจ้แปซิฟิก
ข้าน้อยขอคารวะท่านจริงๆ
เอาล่ะ เข้าเรื่อง หลังจากนั้นเราก็เลเวลอัพความเลว กดซอฟแบบไม่แคร์ อันไหนสวยก็ดีไปได้รับคำชม(จากตัวเอง) อันไหนเบี้ยวก็บ้ายบายขอให้โชคดีนะขรั่บขุ่นลูกค้าที่รัก
หน้าที่หลักๆ ก็ตามนั้นแหละ เตรียมวัตถุดิบ ขายซอฟครีมกับของทอด แต่หลังๆ เริ่มโดนเรียกตัวไปช่วยในร้าน เสิร์ฟ อาหารรับออเดอร์ เพิ่มความพีคของชีวิตเข้าไปอีก
ทุกวันราว 10 โมงครึ่ง ท่านดารา (เทนโจ) จะเรียกเราไปกินข้าวกลางวันซึ่งเมนูจะเป็นอะไรนั้นก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของท่านเขา แต่เมนูแนะนำที่อร่อยเด็ดของร้านนี้คือ ข้าวห่อไข่และชิกเกนนัมบัน
ความเหนื่อยก็แล้วแต่จำนวนลูกค้า บางวันโดยเฉพาะช่วงเทศกาลก็ยุ่งมากแทบเป็นลม บางวันก็ว่างซะจน (แอบ) เอากระดาษของร้านมาเขียนฟิคเล่นได้
กับเพื่อนร่วมงานก็ไม่มีปัญหาอะไร แนนเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดี ว่างๆ ก็เมาท์มอยกันตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ แถมยังกดซอฟครีมสวยจนต้องมอบโล่รางวัลให้ ท่านดาราที่อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ดุบ้างแต่ไม่แรงมากเท่าไหร่ ออกแนวบ่นมากกว่า อุสึซังที่เงียบๆ ใจดี ชอบหางานให้เราทำ (เอ๊ะยังไง) และไดซังผู้ซึนเดเระสุดติ่งกับกลิ่นตัวที่ทำให้ชะงักงัน....
คือไดซังเนี่ยเป็นบุคคลที่แรกๆ ข้าพเจ้ามีปัญหากับเค้ามาก เนื่องจากชอบดุและจับผิดละเกิน เห็นหน้าแล้วเกร็ง ปวดขี้ขึ้นมากะทันหันอะไรแบบนี้ หลังๆ มานี้เราทำสัญญาสงบศึกเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีต่อกัน อาจเป็นเพราะไม่มีอะไรจะให้เค้าบ่นแล้วด้วยแหละ แหม่ ก็รู้แหละว่าเค้าต้องการจะสอนไม่ได้จะอยากดุอะไรเราหรอก แต่ยิ้มบ้างก็ได้ค่ะพี่ มองกันทีนี่ยังกับจะแดกหัว
ปัญหาอย่างเดียวที่เรามีกับที่นี่นั่นก็คือ...บุหรี่
อย่างที่บอกในตอนแรกคือที่นี่เค้าจะมีบริการรับส่งพนักงานพาร์ทไทม์ถึงที่พัก คนมารับส่งก็ไม่ใช่ใครก็เหล่าพนักงานประจำนี่แหละจ้า ไม่ก็ท่านดารามารับเองก็มี
ปัญหาก็คือ เหล่าบุคคลเหล่านี้นั้นมักจะเอาบุหรี่ขึ้นมาสูบ...ในรถ
ฮัลโหลว คือ สูบในรถไง กลิ่นมันก็อยู่ในรถไง ใครดมกลิ่นครับ...ก็พวกเราไง
แม่ง...(ขอหยาบ)
คือไปสูบกันที่บ้านได้มะ ไม่ต้องเอาควันมาเผื่อแผ่ ไม่ได้อยากเป็นมะเร็งว้อย!
ขอจบการรายงานแต่เพียงเท่านี้ สวัสดี เย่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น